Ideas
September 2, 2024

Brand is not a Logo. Logo is not a Brand.

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเริ่มต้นทำธุรกิจ “การสร้างแบรนด์” เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรก ๆ ผู้ประกอบการส่วนมากจะนึกว่า แบรนด์คือตราสัญลักษณ์ (logo) สี ฟอนต์ รูป ฯลฯ ทั้งหมดนี้ไม่ได้ผิดแต่อย่างใด เพียงแต่สิ่งที่กล่าวมานั่งเป็นเพียงแค่ปลายทางของการสื่อสารเท่านั้น

Brand ไม่ได้มีแค่โลโก้” การทำโลโก้ ไม่ได้แปลว่าทำ Branding

เกิดความเข้าใจคาดเคลื่อน

ในโลกที่ใครก็สามารถผลิตเนื้อหาได้ ความเร็ว ระยะเวลาในการรับข้อมูลที่สั้นลงทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน ไม่สมบูรณ์ จนทำให้คำว่า CI หรือ Corporate Identity เป็น buzz word ที่ใช้สรุปรวบยอดว่านี่คือการ “สร้างแบรนด์” โดยเฉพาะความเข้าใจผิดที่ผู้ให้บริการออกแแบบนำเสนอต่อลูกค้า

“สร้างแบรนด์” หรือแค่ “ทำโลโก้”

การจดจำตราสัญลักษณ์ได้น่าจะเป็นจุดสูงสุด (ultimate goal) ของการทำแบรนด์ให้ดี แต่นั่นก็อาจจะเป็นการมองจากผู้ใช้งาน ตราสัญลักษณ์ไม่ได้บอกได้ทุกอย่างหรือในทุกสถานการณ์ว่าธุรกิจของคุณมีผลิตภัณฑ์หรือบริการอะไร แต่เป็นเพียงแค่องค์ประกอบหนึ่งเท่านั้น

จริง ๆ แล้วการสร้างแบรนด์ต้องมีอะไรบ้าง?

ในการสร้างแบรนด์ถือเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างหนึ่ง แต่ก็สามารถทำได้ วิธีเริ่มต้นที่ง่ายที่สุดคือการยึดถือในหลักการ ที่มา และวัตถุประสงค์ในการจัดตั้ง และการดำเนินการ นำมาสู่ขั้นตอนในการเริ่มสร้างแบรนด์

เริ่มต้นจากชื่อของแบรนด์

เราสามารถใช้ชื่ออะไรก็ได้ แต่จะดีกว่าไหมถ้ามีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการจัดตั้ง ผลิตภัณฑ์ บริการ ของคุณ การตั้งชื่อ (naming convention) มีข้อควรพิจารณาดังนี้

ลักษณะของธุรกิจเป็นแบบไหน?

B2B, B2C, B2B2C สิ่งเหล่านี้ล้วนมีผลต่อชื่อ ว่าสามารถชี้ชัดได้ขนาดไหน

ชื่ออาจส่งผลต่ออารมณ์ ความรู้สึกต่อผู้ที่ได้ยินอย่างไร สิ่งนั้นก็จะสะท้อนบุคลิกของแบรนด์ที่คุณกำลังสร้าง
แก่นของแบรนด์คุณคืออะไร?

ลองอธิบายด้วยคำสั้น ๆ ว่าแบรนด์คุณมีแก่นอะไร (brand essence) เช่น “ความเชี่ยวชาญ” มีความสามารถและประสบการณ์ในการนำเสนอผลงานคุณภาพสูง

กำหนดวิสัยทัศน์และพันธกิจ

วิสัยทัศน์ (Vision) และพันธกิจ (Mission) จะช่วยส่งเสริมให้การดำเนินธุรกิจมีเป้าหมาย ถือเป็นการปักหมุดการเดินทางของแบรนด์ให้กับตัวเอง พนักงาน และลูกค้า ใหรับรู้โดยทั่วกัน

กำหนดพื้นที่ สร้างความแตกต่าง และกำหนดตัวตน

ในทฤษฎีการสร้างแบรนด์มีกรอบในการวิเคราะห์มากมาย แต่ที่จะขอหยิบมาพูดคือ การกำหนดจุดยืน (brand positioning) สร้างความแตกต่าง (differentiate) และการกำหนดตัวตน (brand identity) ทั้งหมดนี้เป็นการกำหนดทิศทางให้กับแบรนด์ให้เริ่มมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เช่นการเปรียบเทียบแบรนด์เป็นคน ว่ามีบุคลิกอย่างไร แต่งตัวอย่างไร

สื่อสารแบรนด์ ส่งต่อเจตนาไปให้ถึงลูกค้า

สร้างมูลค่าโดยการเล่าเรื่อง (storytelling) เล่าที่มาของแบรนด์ให้ลูกค้ารู้จักแบรนด์ให้มากขึ้น ถือเป็นการแนะนำตัวให้เกิดการรับรู้ในวงกว้าง

สื่อสารอย่างไร?

จุดนี้คือสิ่งที่แบรนด์มีความคุ้นเคย นั่นก็คือการออกแบบ แต่ผู้เขียนอยากขยายความให้ชัดเจนว่า “การออกแบบสื่อสาร” ที่สามารถแบ่งการรับรู้ออกมาตามสัมผัสการรับรู้ ได้แก่ ภาพ (visual) เสียง (sound) กลิ่น (scent) และสัมผัส (touch) โดยแต่ละประเภทจะอาศัยองค์ประกอบในเรื่องที่เกี่ยวข้องมาช่วยให้ตอบวิสัยทัศน์ที่เราสร้างเอาไว้ ซึ่งโดยมากก็จะมุ่งไปที่ภาพเสียส่วนใหญ่ จึงเป็นที่มาของการออกแบบอัตลักษณ์ ที่บ้างก็จะเรียกว่า Visual Identity หรือที่ติดปากว่า CI หรือ Corporate Identity

Visual Identity ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง?

แน่นอนว่าก็จะต้องมีตราสัญลักษณ์เป็นส่วนประกอบหลัก แต่เมื่อเจาะลงไปในรายละเอียดแล้ว ก็จะแยกย่อยว่าแบบตราสัญลักษณ์ (symbol mark) หรือรูปแบบตัวอักษร (word mark) นอกเหนือจากนี้ก็เป็นการจัดการกับการเลือกใช้วัสดุต่าง ๆให้สอดคล้องกัน เช่นการเลือกใช้แบบอักษร (typography) สี (colour) รูปภาพ (photography) กราฟิก (graphic) ไอคอน (icon) พิกโตแกรม (pictogram) หรือการจัดองค์ประกอบหน้ากระดาษ เป็นต้น โดยทั้งหมดนี้จะถูกเขียนอธิบายไว้ในคู่มือการใช้งานแบรนด์ (brand guideline) ซึ่งจะประกอบด้วยที่มา แนวคิดในการสื่อสารภาพลักษณ์ในบริบทต่าง ๆ อาทิ บุคลิก น้ำเสียงในการสื่อสาร รวมถึงวิธีการใช้ระบบอัตลักษณ์ (identity system) ในสถานการณ์ต่าง ๆ การสร้างข้อกำหนดเหล่านี้ นับเป็นปริมาณงานมหาศาลที่ต้องคิดอย่างเป็นระบบ เพื่อส่งต่อให้ผู้ที่นำไปประยุกต์ใช้สามารถเข้าใจ และมีความยืดหยุ่น และเป็นไปในทิศทางที่แบรนด์กำหนด

ตัวอย่างคู่มือการใช้งานแบรนด์ RQ49 ดูโปรเจ็ค

แบรนด์ไม่ใช่แค่สิ่งที่มองเห็น แต่หมายถึงทุกสัมผัสที่ได้รับ

จากจุดเริ่มต้นของการก่อตั้ง นำไปสู่วิสัยทัศน์ ส่งผ่านมาที่อัตลักษณ์ บริการ และผลิตภัณฑ์ ในอีกมิติหนึ่งที่ไม่ค่อยเห็นมากนักในแบรนด์ไทยคือเรื่องของเสียง (sonic brand) การสร้างเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ ช่วยให้เกิดการจดจำ ยกตัวอย่างเสียงของระบบปฏิบัติการในคอมพิวเตอร์ หรือในรถยนต์ ที่มีเสียงเฉพาะที่พอได้ฟังก็จะชวนนึกถึงแบรนด์นั้น ๆ สำหรับกรณีที่ใกล้ชิดเรามากที่สุดคือเสียงแจ้งเตือนของแอปพลิเคชั่นที่ใช้ในการส่งข้อความ หรือการซื้อของ เป็นต้น

การสร้างแบรนด์ ไม่ยากแต่ไม่ง่าย หากแต่ต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้อง ในยุคที่การรับข่าวสารได้ย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความคาดเคลื่อนได้ บวกกับในหลายสื่อมีความเข้าใจผิดถึงเรื่องของการสร้างแบรนด์ ทำให้เกิดความสับสน ข้อแนะนำคือให้พูดคุยกับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อสร้างความเข้าใจ ก่อนจะตัดสินใจพัฒนาแบรนด์ของตนเอง กำหนดขอบเขตของการทำงานให้ชัดเจน ทำความเข้าใจถึงสิ่งที่จะได้รับ ก็จะช่วยให้ไม่คาดหวังเกินจริง
เรื่องถัดไป

ปรึกษาเราวันนี้

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม เรายินดีให้คำปรึกษา ให้เราช่วยออกแบบการสื่อสารแบรนด์ของคุณ

Email:

newbusiness@craftsmanship.co

Phone:

+669 5224 6441
Get connected. Stay updated. Join our community
Thank you for joining us!
Oops! Something went wrong while submitting the form.
© CRAFTSMANSHIP CO. 2024